ศาลเจ้าพ่อพญาวัง
เจ้าพ่อพญาวัง
ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เป็นเชื้อเจ้าฝ่ายเหนือของพระเจ้าไขยสิริ
เจ้าเมืองไชยปราการภายหลังพระเจ้าไชยสิริได้ถูกเจ้าเสือขวานฟ้าแห่งราชอาณาจักรเมา
นำกองทัพบุกเข้าโจมตีเมืองไชยปราการและยึดเมืองได้ พระเจ้า
พระเจ้าไชยสิริได้แตกพ่ายหนีการไล่ล่าของเจ้าเสือขวานฟ้าโดยพาเอาข้าราชบริพาร
เสนาอำมาตย์ และไพร่พลลงมาสู่ทางใต้
โดยมาปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บริเวณสุวรรณภูมิ (เมืองอู่ทอง)
ส่วนพญาวังซึ่งเป็นเชื้อสายเดียวกันกับพระเจ้าไชยสิริได้แยกตัวพร้อมด้วยข้าราชบริพารส่วนหนึ่งมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ดงเวียง
(ที่ตั้งศาลในปัจจุบัน) ได้สร้างคุ้มตลอดจนวัดวาอาราม
และทำการปกครองเมืองวังตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา
ในราว พ.ศ.1702
ได้มีกองโจรขนาดใหญ่ได้รวมตัวกันที่บ้านทุ่งกว้าง
(น่าจะเป็นบ้านกวางในปัจจุบัน) ออกปล้นสะดมชาวบ้านและได้บุกมาถึงบริเวณ ณ
ที่แห่งนี้ พญาวังได้นำไพร่พลออกต่อสู้กับกองโจรเต็มกำลังความสามารถแต่ไม่อาจต้านทานกองโจรซึ่งกำลังมากกว่าได้
พญาวังถูกล้อมจับตัวได้หัวหน้ากองโจรสั่งให้ประหารชีวิตเพราะกลัวว่าจะเป็นภัยในภายหลังแต่พญาวังเป็นนักรบผู้กล้าอยู่ยงคงกระพันชาตรีโจรทำอย่างไรก็ไม่อาจที่จะประหารชีวิตพญาวังได้
เพราะศาสตราวุธใดๆ ก็ไม่อาจระคายผิวหนังได้
พวกกองโจรต้องทำการล้างอาถรรพ์จึงทำการประหารชีวิตพญาวังลงได้ ณ
บริเวณสถานที่แห่งนี้จากนั้นพวกโจรได้กวาดเอาทรัพย์สินเงินทองไปทั้งสิ้นพร้อมทั้งเผาทำลายป้อมค่ายจนเหลือแต่ซากปรักหักพัง
ดังที่ปรากฎให้เป็นอนุสรณ์ ณปัจจุบันนี้
ต่อมา พ.ศ.2526
พี่น้องชาวบ้านใหม่ร่วมกับพ่อค้าประชาชน โดยมีคุณอำพล - คุณนิศากร
ศิริวัฒนกุล
เป็นประธานได้ร่วมกันขอความอนุเคราะห์กรมศิลปากรให้เป็นผู้ออกแบบรูปเหมือนพญาวังและดำเนินการหล่อตกแต่งจนแล้วเสร็จ
โดยคุณอำพล - คุณนิศากร ศิริวัฒนกุล เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมด
และนำมาประดิษฐาน ณ ศาลเจ้าพ่อพญาวังเพื่อให้เป็นอนุสรณ์แห่งคุณงามความดี
เป็นที่เคารพสักการะของพี่น้องประชาชนชาวอำเภอวังเหนือ ตราบสิ้นกาลนานตลอดไป
วัดพระเกิด
เมื่อดินทางถึงหลักกิโลเมตรที่ 8 ของพรช.
มองไปทางทิศตะวันตกประมาณ 500 เมตร
จะเห็นยอดพระเจดีย์สูงสง่างามเด่น แลระยิบระยับเป็นสีทอง อยู่ในหมู่บ้านแม่เลียบ
หมูที่ 8 ตำบลทุ่งฮั้ว อำเภอวังเหนือ
นับเป็นวัดโบราณและมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ซึ่งแต่ก่อนเป็น
วัดเอกและเป็นวัดประจำของชาวเมืองวัง มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพสักการะของ
พุทธศาสนิกชนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
วัดพระเกิดมีโบราณสถานที่สำคัญคือ
พระเจดีย์ ซึ่งมีความสูงถึง 36 เมตร ฐานกว้าง 18 เมตร ส่วนบนสุดของเจดีย์ที่ต่อจากฉัตรจะมีแม่กาทอง
เด่นเป็นสง่าซึ่งนับเป็นสัญลักษณ์ของเจดีย์วัด พระเกิดที่ไม่มีที่อื่นมี
บริเวณพระเจดีย์ มีขนาดกว้างมีกำแพงอยู่สองชั้น คือกำแพงชั้นใน (กำแพงแก้ว)
ส่วนกำแพงชั้นนอกทำด้วยศิลาแลง บริเวณลานพระเจดีย์ปูด้วยหินอ่อน
พุทธศาสนิกชนนิยมมาปฏิบัติธรรมและเวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
วันขึ้น 15 ค่ำ นอกจากนี้วัดเจดีย์วัดพระเกิด
ยังเป้นเจดีย์ที่ประดับด้วยแก้วทั้งองค์ มีฉัตรข้างบน และฉัตรล่างอีก 4 ฉัตร แต่ละฉัตรจะมีกาทองอยู่ทุกฉัตร
น้ำตกวังแก้ว
เป็นแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งในอุทยานแห่งชาติดอยหลวงซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นอุทยาน
แห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 เม.ย. พ.ศ. 2533 ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดพะเยา เชียงราย และลำปาง
รวมเนื้อที่ประมาณ 1,170 ตารางกิโลเมตร
สภาพภูมิปะเทศเป็นเขาสูงทอดตัว แนวเหนือ-ใต้ ดอยหลวง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด
น้ำตกวังแก้ว
เป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดของจังหวัดลำปาง มีชั้นน้ำตกประมาณ 110 ชั้น แต่เป็นชั้น ใหญ่ 7-8 ชั้น น้ำตกไหลอยู่ตลอดปี
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของน้ำตกจะพบ หมู่บ้านชาวเขาเผ่าเย้า
ที่บ้านป่าคาหลวงและบ้านส้าน ซึ่งมีทางขึ้นค่อนข้างชัน ที่น้ำตก
วังแก้วยังมีเส้นทางเดินศึกษา ธรรมชาติระยะสั้น 1.4 กิโลเมตร
นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียง ยังมีน้ำตกวังทอง ซึ่งมีลักษณะคล้าย น้ำตกวังแก้ว
ค่าธรรมเนียมเข้าชม เด็ก 10
บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท
สามารถกางเต็นท์ได้แต่ต้องเตรียม เสบียง ไปเอง
ดอยหนอก
ดอยหนอก
ตั้งอยู่ตำบลวังทอง อำเภอวังเหนือ ถือเป็นมรดกทางธรรมชาติร่วมกันระหว่าง
จังหวัดลำปางและจังหวัดพะเยา นั่นคือภูเขาที่สูงใหญ่และมีแนวทอดยาวกั้นระหว่าง 3
จังหวัด นั่นคือ เชียงราย พะเยา และ ลำปาง ที่มีชื่อว่าภูเขาผีปันน้ำ โดยมีส่วนหนึ่งของภูเขานี้
ซึ่งมีชื่อว่าดอยหนอก ซึ่งถือเป็นดอยสูงสุดบนสันดอยหลวง
หากท่านที่เดินทางสายพะเยา-อำเภอวังเหนือเป็นประจำก็จะคุ้นเคยกับดอยนี้เป็นอย่างดี
เพราะมีลักษณะนูนขึ้นมาคล้ายโหนกวัว มองเห็นได้ชัดเจนแต่ไกล
บนยอดดอยหนอกจะพบกับพระธาตุเพื่อสักการะเพื่อความเป็น
ศิริมงคล เมื่อขึ้นถึงยอดดอย
แล้วก็คงหายเหนื่อยเพราะสามารถดูทิวทัศน์ได้ถึง 360 องศา
ไม่ว่าจะมองมาทิศตะวันตก ชมพระอาทิตย์ตกดินพร้อมกับชมอำเภอวังเหนือ อำเภอเล็กๆ
ที่อยู่ใต้ภูเขาแห่งนี้ หรือจะมองไป ทางทิศตะวันออกดูพระอาทตย์ขึ้น
พร้อมกับดูบรรยากาศ ทางฝั่งพะเยาดูตัวเมืองพะเยา และกว๊านพะเยา สามารถดูได้ถึง 2 จังหวัดในครั้งเดียวกัน
เทศบาลตำบลวังเหนือ อำเภอวังเหนือ
จังหวัดลำปางร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคมอำเภอวังเหนือได้ร่วมกันจัดกิจกรรมถนนคนเดิน
(Walking
Street) ขึ้นทุกเย็นวันพุธ ระหว่างเวลา 16.00-21.00 น. ณ ข่วงวัฒนธรรม หลังที่ว่าการอำเภอวังเหนือ
เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่น การส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
ประเพณีและภูมิปัญญาล้านนา
วังเหนือสวิทตี้และออกัสฟาร์ม
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ใหม่
โดยภายในได้มีสถานที่เลี้ยงสัตว์เพื่อการศึกษา มีชื่อว่าออกัสฟาร์ม เลี้ยงสัตว์
ได้แก่ กวาง หมูป่า นกยูง กระต่าย ส่วนภายนอกที่อยู่ใกล้ถนนสายวังเหนือ-แม่ขะจาน
มีบริการมุมถ่ายรูปสวยๆโดย มีป้ายเห็นชัดเจนว่าวังเหนือสวิทตี้ มีป้ายสวยๆและ
สถานที่สวยๆให้ถ่ายรูป เก็บค่าบริการ 50 บาท
โดยได้รับพวงกุญแจเป็นที่ระลึก 1 อันครับ
ที่มา: http://nfe5110.com/showdownload2.php?no_pp=1158
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น